ฮิปฮอป (อังกฤษ: Hip Hop) หรืออาจเขียนเป็น ฮิป-ฮอป (อังกฤษ: Hip-hop) มีความหมายถึงในด้านดนตรีแนวฮิปฮอป
ที่เป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่นอเมริกาและทั่วโลก จนถูกยกระดับให้เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง
ซึ่งมีรากฐานการพัฒนามาจากชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และ ชาวละติน โดยในช่วงยุค 70'
หลังจากที่ดนตรีดิสโก้ที่พัฒนามาจาก
แนวเพลงฟังค์ ในแบบของโมทาวน์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ทำให้มีการเปิดแผ่นเพลงในคลับต่าง ๆ และด้วยการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี เกิดการสร้าง
loop, beat ใหม่ ๆ ขึ้นมา ดนตรีฮิปฮอป จึงถือกำเนิดขึ้น
แนวเพลงต่างๆ
วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
"แนวเพลงสกา"
สกา (อังกฤษ: Ska) เป็นแนวเพลงที่เกิดในประเทศจาไมก้า ช่วงปลายทศวรรษที่ 50 ซึ่งต่อมามีการพัฒนาเป็น
rocksteady และ เร้กเก้
เพลงสกา เป็นการรวมองค์ประกอบเพลงแถบคาริบเบียนอย่าง เม็นโต และ คาลิปโซ เข้ากับ แจ๊ซทางฝั่งอเมริกา กับอาร์แอนด์บี มีลักษณะพิเศษตรงไลน์เบส สำเนียงกีตาร์ และจังหวะเปียโนที่ดูแตกต่างไป สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างคือมีการใช้เครื่องเป่า
(อย่างแจ๊ซ) เช่น แซกโซโฟน, ทรัมเป็ต, ทรอมโบน เป็นต้น
และทศวรรษที่ 60 สกาถูกหมายถึงแนวดนตรีของ Rudeboy ในสหราชอาณาจักร สกาได้รับความนิยมในกลุ่ม ม็อดและพวกสกินเฮด มีวงอย่าง Symarip, Laurel Aitken,
Desmond Dekker, และ The Pioneers เป็นต้น
"แนวเพลงแดนซ์"
แดนซ (อังกฤษ: Dance) เป็นแนวเพลงประเภทอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ และแนวเพลงย่อยของป็อป ที่เกิดขึ้นหลังยุคดิสโก้
ราวปี 1981 โดยรวมเพลงจังหวะเต้นรำเข้ากับเพลงโครงสร้างเพลงป็อป และ/หรือ
อาร์แอนด์บี
ย่อยของป็อป เป็นแนวดนตรีที่พัฒนามามาจากดนตรีดิสโก้ ผสมผสานจังหวะ ดนตรีป็อปและอาร์แอนด์บี ดนตรีแดนซ์ป็อปได้ถูกพัฒนามาตลอดทศวรรษ 1980 โดยดนตรีแดนซ์ป็อปจะรวมเพลงหลายๆ
และเพราะว่าเป็นแนวเพลงที่เน้นรูปแบบเต็ม ๆ ของการเป็นเพลง ในแดนซ์-ป็อป
จึงมักเห็นมีการแยกแนวเพลงประเภทนี้ออกมาจากเพลงแดนซ์[1] เพลงแดนซ์-ป็อป
มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับเพลงทีนป็อปและยูโรแดนซ์ ในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1980 และปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 จากกระแสของบอยแบนด์และเกิร์ลกรุป และการถูกแนะนำใหม่ของเครื่องเสียงพูดและนวัตกรรมใกล้เคียงกัน
"แนวเพลงป็อป"
ดนตรีป็อป (Pop music) หรือเพลงป็อป ( Pop song) เป็นแนวเพลงที่มีลักษณะโมโลดี้ง่าย
ๆ โครงสร้างเพลงไม่สลับซับซ้อน โดยอาจจะรวมเพลงหลาย ๆ แนวอย่าง ร็อก ฮิปฮอป
เร้กเก้ แดนซ์,
อาร์แอนด์บี, ฟังก์ หรือแม้แต่โฟล์ก
อาร์แอนด์บี, ฟังก์ หรือแม้แต่โฟล์ก
เพลงป็อปจะถูกแต่งขึ้นเพื่อหวังกลุ่มคนฟังกลุ่มใหญ่โดยได้แรงผลักดันจากค่ายเพลงใหญ่
เริ่มจากในดนตรีประเภท Ragtime จากนั้น Ragtime เริ่มมาทางสวิง
จากนั้นก็เป็นดนตรีแจ๊สที่สามารถเต้นรำได้
ดนตรีป็อปสามารถรวมได้ถึงบลูส์ที่มีต้นกำเนิดจากคนผิวดำในอเมริกา และดนตรีคันทรีที่เริ่มปรับจนกลายเป็นแนว Rockabilly (เพลงร็อกแอนด์โรลล์ยุคแรก)
ดนตรีป็อปสามารถรวมได้ถึงบลูส์ที่มีต้นกำเนิดจากคนผิวดำในอเมริกา และดนตรีคันทรีที่เริ่มปรับจนกลายเป็นแนว Rockabilly (เพลงร็อกแอนด์โรลล์ยุคแรก)
ในยุค 80 มีศิลปินป็อปที่ได้รับความนิยม คือ ไมเคิล แจ็คสัน, มาดอนน่า,
ทิฟฟานี,
เจเน็ท
แจ็คสัน, ฟิล คอลลินส์, แวม
ในยุค 90 มีศิลปินป็อปที่ได้รับความนิยม คือ มารายห์ แครี, เดสทินี ไชลด์,
บอยซ์
ทู เม็น, เอ็น โวค, ทีแอลซี
ในยุค 2000 มีศิลปินที่ประสบความสำเร็จอย่าง บียอนเซ่, บริทย์นี
สเปียร์, คริสติน่า อากีเลร่า, แบล็ค อายด์ พีส์, จัสติน
ทิมเบอร์เลค ส่วนเทรนป็อปอื่นเช่นแนว ป็อป-พังค์ อย่างวง ซิมเปิ้ล แพลน, เอฟริล ลาวีน
รวมถึงการเกิดรายการสุดฮิต อเมริกัน ไอดอลที่สร้างศิลปินอย่าง เคลลี่ คลาร์กสัน
และ เคลย์ ไอเคน แนวเพลงป็อปและอาร์แอนด์บีเริ่มรวมกัน
มีลักษณะเพลงป็อปที่เพิ่มความเป็นอาร์แอนด์บีมากขึ้นอย่าง เนลลี เฟอร์ตาโด,
ริฮานนา,
จัสติน
ทิมเบอร์เลค เป็นต้น
"แนวเพลงร็อก"
ร็อก (อังกฤษ: Rock ) คือแนวเพลงประเภทหนึ่งที่ได้พัฒนาในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 40s
จนมาได้รับความนิยมในต้นยุค
50s และได้แพร่ขยายความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันเราจะเรียกกันสั้นๆว่า
“ร็อก” ส่วนเรื่องจังหวะจะเป็นจังหวะ บูกี้ วูกี้ บลูส์
โดยจะทำให้เด๋นโดยจังหวะแบ็ค บีท (Back Beat) ซึ่งต่อมาจะใช้กลองสแนร์
ดนตรีร็อกแอนด์โรลช่วงแรกจะเล่นโดยกีตาร์ไฟฟ้า หนึ่งหรือสองตัว (1 ลีด ,1
ริทึม),กีตาร์เบส
(หรือดับเบิ้ลเบส),ชุดกลอง ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นส่วนเสริม
ร็อกแอนด์โรลในช่วงต้นยุค 50s มักจะใช้แซกโซโฟนนำดนตรี
ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นกีตาร์ช่วงกลางยุค 50s เปียโนก็ถูกใช้เป็นส่วนสำคัญในดนตรีร็อกแอนด์โรลช่วงกลางยุค
40s
ความได้รับความนิยมในดนตรีร็อกแอนด์โรลเป็นอย่างมากได้แพร่กระจายสู่สังคม
นอกจากทางด้านดนตรีแล้ว ยังมีผลต่อแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ภาษา
ศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่างมากคือ เอลวิส เพรสลีย์
ที่สร้างภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ในรูปแบบของร็อกแอนด์โรล
ในปี ค.ศ. 1951 อลัน ฟรีด (Alan Freed) ดีเจจากโอไฮโอ
ได้ถูกยกเครดิตให้เป็นผู้คิดคำว่า ร็อกแอนด์โรลล์เป็นคนแรก
ร็อกแอนด์โรล ได้ผสมผสาน เอาดนตรีของคนผิวขาวกับผิวดำเข้าด้วยกัน
ทำให้เกิดเป็นดนตรีแนวใหม่ที่มีจังหวะที่รุนแรงกว่าเดิม ทั้งเสียงกีตาร์ที่ดัง
กลองที่รัวและเร็ว วัฒนธรรมดนตรีแบบร็อกแอนด์โรล ได้มีผลต่อวัยรุ่นในยุคนั้น
ทั้งภาษาและการพูดจา ที่โจ่งแจ้ง แสดงอารมณ์อย่างชัดเจน การแต่งกายและทรงผมแปลก ๆ
การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง ฯลฯ ที่ถือว่าเป็น การแสดง ถึงตัวตน (Identity) ของตนเองออกมา
ภาษากายต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นแนวทางที่ขัดกับ สิ่งที่ผู้ใหญ่ในสมัยนั้น
เห็นว่าดีงาม และถูกต้องทั้งสิ้น ในยุคนั้น ร็อกแอนด์โรลจึงถูกประฌามว่าเป็น
ดนตรีของปีศาจ เนื่องจากความใหม่และแหวกแนวอย่างมาก
ในช่วงทศวรรษที่ 50 เพราะขณะที่ศิลปินร็อกแอนด์โรลระดับที่เป็นตำนาน
ทยอยกันสร้างชื่อ และผลงานของตนเองไว้ที่อเมริกา ไม่ว่าจะเป็น บิล ฮาลีย์ (Bill
Haley) ที่มีเพลงฮิตที่รู้จักกันทั่วโลกคือ Rock around the clock
(1954), ชัค เบอร์รี (Chuck Berry) ผลงานที่โด่งดัง คือเพลง Meybelline
(1955), เจอร์รี ลี ลีวิส (Jerry Lee Lewis) กับเพลงที่ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำ
Whole latta shakin’ goin’ on (1957), เอลวิส เพรสลีย์ที่มีเพลงฮิตติดอันดับนับไม่ถ้วนตั้งแต่
1956 ถึง 1958 เช่น Love
me tender (1956) Lovingyou (1957) Jailhouse rock (1957) และ King carole (1958)
me tender (1956) Lovingyou (1957) Jailhouse rock (1957) และ King carole (1958)
"แนวเพลงแจ๊ส"
แจ๊ส (Jazz) ถือเป็นแนว ดนตรีคลาสสิค
ชนิดหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ที่พัฒนามาจากกลุ่มคนดำในสหรัฐอเมริกา (African
Americans) แนวคนตรีแจ๊สเกิดขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีลักษณะพิเศษคือ
โน้ตบลูส์ การลัดจังหวะ จังหวะสวิง มีการโต้-ตอบทางดนตรี และการเล่นสด
ประวัติ
รากลึกของ แจ๊ส นั้นมาจาก แนวเพลงบลูส์ (Blues) คนผิวดำที่เล่น
เพลงบลูส์ เรียนรู้ดนตรีจากการฟังเป็นพื้นฐาน จึงเล่นแบบถูกๆผิดๆ
เพราะจำมาไม่ครบถ้วน มีการขยายด้วยความพึงพอใจของตัวเองเป็นหลักคือ
แต่งทำนองเพลงขึ้นมาใหม่ๆสดๆ หรือการโซโล่แบบด้นสด ต่อได้มีการผสมผสานแนมดนตรีเพิ่มขึ้นกลายเป็นแนวแจ๊ส
ยุคต่อมาคือ มีแนวดนตรีแร็กไทม์ (Ragtime) กำเนิดขึ้นที่ยุโรปผสมกับบลูส์ จังหวะของแอฟริกัน
และนี่เองที่เป็นรากของดนตรีแจ๊สในเวลาต่อมา
เพลงบลูส์เริ่มได้รับความนิยมในช่วงเวลาเดียวกันกับแร็กไทม์ ปลายๆ
ทศวรรษ 1910 แนวเพลงมีผสมผสานจนกลมกลืนโดย บัดดี โบลเดน (Charles Joseph
‘Buddy’ Bolden) เป็นผู้ริเริ่ม หากแต่เวลานั้นยังไม่มีการประดิษฐ์คำว่าแจ๊สขึ้นมา
และเรียกดนตรีเหล่านี้รวมๆ กันว่า “ฮ็อต มิวสิก” (Hot Music) จนกระทั่งโอดีเจบีโด่งดัง
คำว่า แจ๊ส จึงเป็นคำที่ใช้เรียกขานกันทั่ว แจ๊สในยุคแรกนี้เรียกกันว่าเป็น
แจ๊สดั้งเดิม หรือ นิวออร์ลีนส์แจ๊ส
ดนตรีแจ๊สมีต้นกำเนิด โดยวงดนตรีวงแรกชื่อ ดิ ออริจินัล ดิกซีแลนด์
แจ๊ส แบนด์ (The Original Dixieland Jazz Band: ODJB) ราวทศวรรษ 1920
ด้วยจังหวะเต้นรำที่แปลกใหม่เป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างมาก
จึงกำเนิดคำว่า “แจ๊ส” ตามชื่อวง โอดีเจบีสามารถขายแผ่นได้ถึงล้านแผ่น
แจ๊สยุคใหม่
ปัจจุบันดนตรี แจ็ส
ในแต่ละแนวก็ยังคงมีการพัฒนาการต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน
อีกทั้งยังมีนักดนตรีแจ็สหน้าใหม่ฝีมือดีเกิดขึ้นมาอย่างมากมาย
โดยแต่ละคนต่างหาแนวทางใหม่ๆ ของตนอยู่ จึงเกิดแจ็สที่สไตล์แตกต่างจากที่มีมาทั้งหมดในอดีต
มีความพยายามหาสุ้มเสียงใหม่ๆ เช่น แอซิดแจ๊ส (Acid Jazz) หรือกรูฟแจ๊ส
(Groove Jazz)ซึ่งเป็นผลการผสมระหว่างแจ๊ส โซล ฟังกี้ และฮิปฮอป เช่น จามิโรไคว์ (Jamiroquai)
อีกแนวคือ
นูแจ๊ส (Nu Jazz) หรือ อิเล็กโทรแจ๊ส (Electro-Jazz) ผสมผสานด้วยดนตรีอิเล็กทรอนิกส์
เครื่องสังเคราะห์เสียง เช่น วงอิเล็กโทรนิกา (Electronica)
"แนวเพลงคลาสสิค"
แนวเพลงคลาสสิก ดนตรีคลาสสิค ดนตรีคลาสสิก เพลงคลาสสิกออนไลน์ เพลงคลาสสิคออนไลน์ เพลงฝรั่ง เพลงสากลยุค 60
ฟังเพลงคลาสสิค ฟังเพลงคลาสสิก เพลงคลาสสิคเพราะ ๆ classical music online เพลงโมสาร์ทสำหรับคนท้อง โหลดเพลงคลาสสิค โหลดเพลงคลาสสิก
เพลงสากลยุค 70 เพลงสากลยุค 80 soundtrack OST เพลงซาวแทรค เพลงซาวน์แทรค เพลงซาวด์แทรค เพลงสำหรับคนท้อง
เพลงคลาสสิคสำหรับคนท้อง เพลงคลาสสิกสำหรับคนท้อง เพลงสำหรับทารก classical music classical download เพลงคลาสสิก
ดาวน์โหลดเพลงคลาสสิก ดาวน์โหลดเพลงคลาสสิค โหลดเพลงคลาสสิก โหลดเพลงคลาสสิค ฟังเพลงคลาสสิค original soundtrack
โมซาร์ท โมสาท เพลงโมสาท เพลงโมสาร์ท โมสาร์ท เพลงคลาสสิค
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)